การคาดการณ์ของ IFS ในปี 2024 สำหรับอุตสาหกรรมการผลิต

บริษัทผู้ผลิตเผชิญความท้าทายในปี 2023 ที่ผ่านมาจากการแข่งขันในตลาดที่สูงขึ้น ความต้องการของลูกค้าที่มีความซับซ้อน ไปจนถึงกฏระเบียบที่เข้มงวด เพื่อที่จะรักษาความสามารถในการแข่งขันในปี 2024 การใช้เทคโนโลยีใหม่เป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความแตกต่าง และเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยรับมือกับความเปลี่ยนแปลง

ในปี 2024 แม็กกี้ สโลวิค และ แอนดริว เบอร์ตัน ได้คาดการณ์ในธุรกิจที่จะมีผลต่อกลุ่มอุตสาหกรรมการผลิต 4 เรื่อง

การคาดการณ์ที่ 1:ภายใน 3 ปีข้างหน้า คาดว่าการลงทุนด้าน AI และการจำรูปแบบข้อมูล  (Data Pattern Recognition) จะเพิ่มขึ้น 40%

ในอีกไม่กี่ปี การลงทุนด้าน AI จะเพิ่มขึ้นถึง 40% โดยการลงทุนเพิ่มขึ้นจะช่วยให้บริษัทผู้ผลิตปรับปรุงประสิทธิภาพผ่านระบบจดจำรูปแบบข้อมูล (Data Pattern Recognition) โดยการใช้ข้อมูลประวัติ AI จะวิเคราะห์ข้อมูลการผลิตแบบเรียลไทม์ ระบุรูปแบบและความผิดปกติ AI ระบบจำรูปแบบข้อมูลช่วยให้ผู้ใช้งานวิเคราะห์สาเหตุที่แท้จริง ปรับปรุงการทำงาน และคาดการณ์ถึงปัญหาด้านคุณภาพผลิตภัณฑ์ โดยการเปรียบเทียบข้อมูลในจุดต่างๆ

จากการที่ระบบผลิตเริ่มซับซ้อนมากขึ้น ระบบการจดจำรูปแบบข้อมูลของ AI เป็นสิ่งจำเป็นในการปรับปรุงการควบคุมคุณภาพ คาดการณ์ปัญหาเครื่องจักร และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้มีข้อบกพร่องน้อยลง ประสิทธิภาพโดยรวมของเครื่องจักร (OEE) ที่สูงขึ้น และประหยัดต้นทุนได้อย่างมาก ด้วยอุตสาหกรรม 4.0 และอุตสาหกรรม 5.0 ที่เกิดขึ้นใหม่ ในทุก ๆ วินาที จะมีการสร้างข้อมูลมากเกินว่าที่มนุษย์จะรับมือได้  AI จึงกลายเป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้สำหรับผู้ผลิต

การคาดการณ์ที่ 2: ในอีก 2-5 ปีข้างหน้า  ผู้ผลิตจะเริ่มใช้ระบบการวางแผนแบบไดนามิกโดยบูรณาการเทคโนโลยี AI เพื่อปรับปรุงระบบ EAM และ ERP

วิธีการวางแผนแบบดั้งเดิมนั้นไม่เพียงพอสำหรับการผลิตสมัยใหม่อีกต่อไป จากข้อมูลของ McKinsey การใช้เครื่องมือการจดจำรูปแบบ AI สามารถเพิ่มรายได้เพิ่มขึ้น 4% ลดสินค้าคงคลังลงสูงสุด 20% และลดค่าใช้จ่ายด้าน Supply Chain ได้ถึง 10%

จากการวิจัยของ IFS แสดงให้เห็นว่าผู้ผลิตยังคงเผชิญกับความท้าทายด้าน Supply Chain อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ด้วยการใช้ประโยชน์จาก AI ​​ERP และ EAM ผู้ผลิตจึงสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารสินค้าคงคลัง การจัดการทรัพยากร และข้อมูลเครื่องจักรแบบเรียลไทม์ได้ ด้วยการเพิ่มเครื่องมือที่ใช้ระบบ AI ผู้ผลิตจะมีความสามารถในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของความต้องการ การหยุดชะงักของ Supply Chain และการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างรวดเร็ว

ตัวอย่างเช่น การใช้ AI ที่อยู่ในระบบ ERP ผู้ผลิตจะสามารถแก้ไขปัญหาเปลี่ยนแปลงวัตถุดิบที่ไม่คาดคิดได้อย่างรวดเร็ว ความสามารถในการคาดการณ์ความล่าช้าของซัพพลายเออร์  ด้วยการทำเช่นนี้ ผู้ผลิตสามารถปรับปรุงความสามารถในการปรับตัว ลดเวลาในการผลิต และลดผลกระทบจากการหยุดชะงักของ Supply Chain เพื่อการผลิตที่มีประสิทธิภาพ

การคาดการณ์ที่ 3: ก่อนปี 2026 บริษัทผู้ผลิต 60% จะลงทุนในเทคโนโลยีใหม่เพื่อเปลี่ยนวิถีการทำงานของพนักงานฝ่ายผลิตเพื่อลดการสูญเสียของประสิทธิภาพการผลิต

อุตสาหกรรมการผลิตทั่วโลกกำลังเผชิญกับวิกฤติด้านบุคลากรที่มีความสามารถจนอาจคุกคามการเติบโตและการฟื้นตัวของอุตสาหกรรม  โดยหอการค้าอังกฤษ (British Chambers of Commerce – BCC) รายงานว่าอย่างน้อย 78% ของบริษัทในหลายภาคส่วนซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ภาคการก่อสร้าง การผลิต และภาคโลจิสติกส์ กำลังเผชิญกับปัญหาสำคัญในการสรรหาพนักงานใหม่ที่มีทักษะ

แรงงานที่มีอายุมากขึ้นและพฤติกรรมที่สลายตัว (Disintegrating Behavior) รวมถึงการเปลี่ยนแปลงในการทำงานและความต้องการเป็นสาเหตุสำคัญของวิกฤตการณ์ด้านแรงงาน พนักงานคาดหวังมากขึ้นเรื่อยๆ ว่างานจะมีความยืดหยุ่นมากขึ้นและได้รับผลตอบแทนที่ไม่ใช่ตัวเงินมากขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการระบาดของไวรัสโควิด 19 ในขณะเดียวกัน การลาออกของพนักงานที่เพิ่มขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการผลิต ตารางงาน และขั้นตอนการทำงานในโรงงานอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม หัวข้อที่เน้นในการประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาลูกค้าของ IFS “การหาพนักงานที่มีทักษะที่เหมาะสมเป็นแค่ครึ่งหนึ่งของความท้าทาย การฝึกอบรม และการรักษาผู้มีความสามารถนั้นเป็นความท้าทายที่ใหญ่กว่า”  นอกจากนี้ พนักงานใหม่ๆ อาจไม่มีประสิทธิภาพหรือมีประสบการณ์เท่ากับพนักงานที่ลาออกส่งผลให้ประสิทธิภาพการผลิตลดลงและเกิดปัญหาด้านคุณภาพตามมา

เพื่อแก้ไขปัญหานี้ ผู้ผลิตได้บูรณาการเทคโนโลยีเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต จากการศึกษาล่าสุดแสดงให้เห็นว่าเกือบสองในสาม 62% ของผู้เข้าร่วมกล่าวว่าพวกเขาสามารถทำงานให้สำเร็จได้มากขึ้นหากพวกเขามีเครื่องมือเทคโนโลยีที่ดีกว่า และมากกว่าครึ่ง 58% อ้างว่าความต้องการเทคโนโลยีของพวกเขาเพิ่มขึ้นในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

จากการศึกษาของ IDC ที่มอบหมายจาก IFS ได้เปิดเผยว่า 45% ของผู้ผลิตให้ความสำคัญกับการเพิ่มความรู้ให้กับพนักงานด้วยความช่วยเหลือจากเทคโนโลยี การให้พนักงานเข้าใจในเทคโนโลยีก็คือการให้พนักงานมีส่วนรวมในกระบวนการ แนวคิดที่รู้จักกันในชื่อ “พนักงานที่เชื่อมต่อกัน”  จะช่วยให้ผู้ผลิตสามารถขับเคลื่อนประสิทธิภาพการผลิต และปรับปรุงประสบการณ์ของพนักงานฝ่ายการผลิตได้

การใช้เทคโนโลยีที่ผู้ปฏิบัติงานเชื่อมต่อกันและการทำงานร่วมกันแบบดิจิทัล (Digital Collaboration) มีศักยภาพในการปลดล็อกมูลค่ามากกว่า 100 พันล้านดอลลาร์สำหรับอุตสาหกรรมการผลิต นอกจากนี้ยังอาจนำไปสู่การเพิ่มผลผลิตได้ถึง 20-30% ในกระบวนการทำงาน

เนื่องจากผู้คนยังคงเป็นทรัพย์สินที่สำคัญที่สุดของบริษัท เครื่องมือและแพลตฟอร์มสำหรับผู้ปฏิบัติงานที่เชื่อมต่อกันสามารถปรับปรุงการมีส่วนร่วม การเพิ่มผลผลิตและปรับปรุงความพึงพอใจในงาน ซึ่งขับเคลื่อนความแตกต่างทางการแข่งขัน  ในอนาคตระบบ AI จะมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถของพนักงานที่เชื่อมต่อกันด้วยการให้ข้อมูลเชิงลึกและความแม่นยำเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ

การคาดการณ์ที่ 4: ในปี 2025  ผู้ผลิต 30% จะใช้กลยุทธ์หมุนเวียน (Circularity) ลงในโมเดลธุรกิจของตน ช่วยลดของเสียและใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

เห็นได้ชัดว่าโมเดลธุรกิจแบบเส้นตรง คือ “ใช้-ผลิต-ทิ้ง (take-make-waste)”  ของผู้ผลิตกลายเป็นสิ่งที่ไม่ยั่งยืนไม่เป็นที่นิยม และมีความเสี่ยงทางธุรกิจมากขึ้น

เกือบครึ่งหนึ่งของผู้ผลิตทั่วโลก 42% กังวลเกี่ยวกับการขาดแคลนวัตถุดิบหลัก โดยในเปอร์เซ็นต์เดียวกันนี้แสดงความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น เพื่อลดการพึ่งพาความพร้อมใช้งานและความผันผวนของต้นทุนของวัตถุดิบและทำให้ธุรกิจของตนมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในอนาคต ผู้ผลิตจะต้องคิดใหม่เกี่ยวกับโมเดลธุรกิจที่มีอยู่ของตนเพื่อรองรับระบบหมุนเวียน

ในขณะเดียวกัน บริษัทที่ปรึกษา Bain & Consulting พบว่าผู้บริหาร 33% คิดว่าอุตสาหกรรมของตนจะถูก Disrupt จากสตาร์ทอัพด้านหมุนเวียนที่นำผลิตภัณฑ์หรือวัตถุดิบกลับเข้าสู่ Supply Chain  ด้วยการนำวัตถุดิบกลับมาใช้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าบริษัทดังกล่าวไม่เพียงแต่สร้างความยืดหยุ่นด้วยการลดการพึ่งพาวัตถุดิบใหม่ (Virgin Material) เท่านั้น แต่ยังให้ผลกำไรมากขึ้นจากผลิตภัณฑ์เดียวกันอีกด้วย

สำหรับบริษัทผู้ผลิต มีความต้องการการผลิตแบบหมุนเวียนเนื่องจากภาพรวมด้านกฎระเบียบและนโยบายเศรษฐกิจหมุนเวียนมีการพัฒนาอย่างรวดเร็วในสหราชอาณาจักร ยุโรป และสหรัฐอเมริกา สิ่งเหล่านี้ได้ส่งผลกระทบได้เกิดขึ้นหรือกำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า และผลกระทบนั้นจะส่งผลอย่างรุนแรงต่อวิธีการดำเนินงานของผู้ผลิตทั้งในระยะสั้นและระยะยาว  เมื่อกฎต่างๆ มีผลบังคับใช้ อย่างเช่นนโยบาย European Green Deal การเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจหมุนเวียนก็จะเร็วขึ้น

เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ผลิตเตรียมพร้อมสำหรับการเปลี่ยนผ่านสู่รูปแบบธุรกิจหมุนเวียน พวกเขาจำเป็นต้องใช้งานด้วยเทคโนโลยีที่เหมาะสม

ผู้ผลิตจะต้องออกแบบให้เกิดความหมุนเวียน โดยแท้จริงแล้ว ประมาณ 80% ของผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ทั้งหมดถูกกำหนดไว้ในระหว่างขั้นตอนการออกแบบผลิตภัณฑ์  ในขั้นตอนนี้ ผู้ผลิตจำเป็นต้องพิจารณาตัวเลือกและซัพพลายเออร์ แต่ยังต้องคำนึงถึงการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อให้ง่ายต่อการแยกชิ้นส่วน ซ่อมแซม และรีไซเคิลในอนาคตเพื่อให้เกิดความหมุนเวียน

ก้าวต่อไป อุตสาหกรรมยังต้องการความสามารถในการรับมือกับการคืนสินค้าและรวมเอาการขนส่งแบบย้อนกลับเข้าด้วยกัน กลยุทธ์ที่ Gartner ยอมรับว่าเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนกลยุทธ์หมุนเวียนคือ การใช้โมเดลธุรกิจแบบวงกลมโลจิสติกส์แบบย้อนกลับช่วยให้ผู้ผลิตสามารถคืนสินค้าเมื่อหมดอายุการใช้งาน สร้างการไหลเวียนของสินค้าที่มีประสิทธิภาพและลดของเสีย

สุดท้ายนี้การตรวจสอบย้อนกลับเป็นความสามารถหลักอีกประการหนึ่งที่จำเป็นสำหรับระบบหมุนเวียนเนื่องจากช่วยให้ผู้ผลิตสามารถติดตามและตรวจสอบวัตถุดิบ ชิ้นส่วน และผลิตภัณฑ์ตลอดวงจรชีวิตของสินค้า ด้วยวิธีนี้ ผู้ผลิตจึงสามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวของผลิตภัณฑ์และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

การเร่งพัฒนานวัตกรรมและกลยุทธ์หมุนเวียนสู่ปี 2024

ผู้ผลิตมีประสบการณ์ในการรับมือกับความท้าทายต่างๆ ในอุตสาหกรรม  พวกเขายังคงขับเคลื่อนนวัตกรรมโดยการนำเทคโนโลยีที่สำคัญมาใช้เพื่อปรับปรุงการดำเนินงานของพวกเขา ในขณะที่พวกเขามุ่งหน้าสู่ปี 2024 และปีต่อๆ ไปการจัดลำดับความสำคัญของประสิทธิภาพและการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานจะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความแตกต่างในการแข่งขัน

กรุณากรอกแบบฟอร์ม

สำหรับผู้ที่สนใจปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้าน Manufacturing

We use cookies to improve performance. and good experience in using your website You can study the details at Privacy Policy and you can manage your own privacy by clicking Setting

Privacy Preferences

You can choose cookie settings by on/off. Cookies of each type are available on request, except for essential cookies.

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    Cookies Details

  • คุกกี้การตลาด

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลวส่วนบบุคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ Cookies ที่เราใช้งานได้แก่ Google Ads และ Facebook Pixel

Save