10 เหตุผลที่ควรเลือกใช้ IFS Enterprise Asset Management
การปรับปรุงการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้นด้วยการจัดเตรียมกำลังคน เครื่องมือ และอุปกรณ์ที่เหมาะสมให้กับสินทรัพย์ รวมทั้งเพิ่มศักยภาพให้กับงานที่ต้องทำและกำหนดกรอบเวลาการทำงานได้อย่างชาญฉลาด ทำให้ช่วยลดสถานการณ์ที่ต้องหยุดทำงานให้เหลือน้อยที่สุดและเพิ่มขีดความสามารถในการสร้างผลกำไรจากสินทรัพย์ ด้วยการลดต้นทุนการบริหารจัดการ และยืดอายุการใช้งานเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆเมื่อเราจัดการใช้งานเครื่องมือและอุปกรณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
IFS Cloud แพลตฟอร์มหนึ่งเดียว ให้ขีดความสามารถระดับแนวหน้า
IFS Cloud เป็นแพลตฟอร์มหนึ่งเดียวที่นำเสนอโซลูชั่นระดับแนวหน้าในด้านการจัดการบริการ การวางแผนทรัพยากรองค์กร และการจัดการสินทรัพย์องค์กร
IFS Cloud ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการทางธุรกิจของคุณรวมถึงตลาดที่คุณให้บริการอยู่ โดยนำเสนอขีดความสามารถอย่างเต็มรูปแบบที่เหนือกว่าแพลตฟอร์มทั่วไป และยังมาพร้อมโซลูชั่นที่ได้รับการปรับให้เหมาะกับอุตสาหกรรมและสามารถตอบโจทย์การทำงานของคุณได้อย่างแท้จริง
การเชื่อมต่อประสบการณ์ของผู้ใช้และโซลูชั่นเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ทำให้ผลิตภัณฑ์ของเราพร้อมใช้งานได้ในทันที ทั้งยังใช้งานง่ายและปรับเปลี่ยนได้ตามต้องการ คุณจึงสามารถขยายและเชื่อมต่อซอฟต์แวร์ของคุณกับ IFS Cloud ได้อย่างง่ายดาย
IFS EAM โซลูชั่นของไอเอฟเอสสำหรับการจัดการสินทรัพย์
IFS Enterprise Asset Management (EAM) Cloud มอบสิ่งที่คุณต้องการเพื่อนำไปใช้ในการจัดการวงจรชีวิตสินทรัพย์ทั้งหมดที่คุณมี โดยสามารถลดต้นทุนในการจัดการทรัพย์สินและข้อมูลสินทรัพย์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โซลูชั่นดังกล่าวมาพร้อมเครื่องมือที่เปี่ยมประสิทธิภาพซึ่งจะเข้ามาช่วยดูแลงานด้านการบำรุงรักษาบนพื้นฐานของความน่าเชื่อถือ การบำรุงรักษาเชิงป้องกัน การจัดการกำลังคน การจัดการโครงการทุน ความมีประสิทธิภาพโดยรวมของอุปกรณ์ และความคล่องตัวในการดำเนินงาน โดย IFS EAM ประกอบด้วยฟังก์ชั่นด้านคลังสินค้าสำหรับงานบำรุงรักษา การจัดการเอกสารและสัญญา งานวิศวกรรม และการเงิน ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ธุรกิจสามารถดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่องเมื่อต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึง ทั้งยังช่วยสร้างโอกาสบนเส้นทางของอุตสาหกรรม 4.0 อีกด้วย
ไอเอฟเอสพร้อมเชื่อมต่อคุณกับโอกาสที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต
เปิดรับการเปลี่ยนแปลงด้วย IFS Applications ด้วยองค์ความรู้ที่เรามีเกี่ยวกับอุตสาหกรรมของคุณและวิธีการสร้างซอฟต์แวร์ชั้นเยี่ยมที่ผู้คนต่างชื่นชอบ ทำให้ IFS Applications พร้อมช่วยผลักดันให้คุณก้าวไปข้างหน้า ไม่ว่าคุณจะกำลังมองหารูปแบบธุรกิจใหม่หรือต้องการเพียงแค่ปรับเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจที่มีอยู่ในปัจจุบันก็ตาม
IFS Applications นำเสนอโซลูชั่นที่ครบวงจรสำหรับลูกค้าทั่วโลกที่ดำเนินธุรกิจด้านการผลิตและจัดจำหน่ายสินค้า ตลอดจนให้การสนับสนุนด้านการดูแลสินทรัพย์ รวมถึงการดำเนินงานที่ให้ความสำคัญกับการบริการเป็นหลัก
10 เคล็ดลับในการเลือกซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร
ไม่ว่าคุณจะอยู่ในอุตสาหกรรมใดก็ตาม ความท้าทายและโอกาสไม่เคยอยู่ไกลเกินเอื้อม ซึ่งหากมีการเลือกใช้ซอฟต์แวร์สำหรับองค์กรที่เหมาะสม บริษัทของคุณก็จะสามารถรับมือกับความท้าทายที่เกิดขึ้นใหม่และตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากได้มีการจัดเตรียมระบบพื้นฐานเพื่อเสริมสร้างความคล่องตัวให้กับองค์กรอย่างครบครัน แต่จะต้องทำอย่างไรจึงจะสามารถหาซอฟต์แวร์สำหรับองค์กรที่มีความเหมาะสมได้อย่างแท้จริง
บทความนี้ได้จัดเตรียมคำถาม 10 ข้อเกี่ยวกับการเลือกซอฟต์แวร์ที่คุณควรสอบถามเมื่อต้องเลือกซื้อซอฟต์แวร์สำหรับองค์กร เพื่อให้สามารถค้นหาซอฟต์แวร์สำหรับองค์กรได้อย่างเหมาะสม
IFS Field Service Management – เครื่องมือจัดการงานบริการหลังการขายที่สมบูรณ์แบบ
สถานการณ์ปัจจุบันที่ตลาดกำลังเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง บรรดาผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายจำเป็นต้องบริหารจัดการบุคลากรอย่างมีประสิทธิภาพไปพร้อมๆ กับการพิสูจน์ให้เห็นด้วยว่า อุปกรณ์ทุกอย่างสามารถส่งมอบได้ตรงเวลา ได้รับการติดตั้งอย่างถูกต้อง และมีการบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ ในขณะที่ความต้องการด้านบุคลากรที่มีทักษะสูงเพื่อให้บริการดูแลอุปกรณ์ดังกล่าวก็กำลังเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้การบริหารจัดการเวลาอย่างมีประสิทธิภาพกลายเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งมีเพียงเครื่องมือที่พร้อมรองรับขั้นตอนการให้บริการนอกสถานที่แบบครบวงจรเท่านั้นที่จะช่วยลดต้นทุนการดำเนินงานและสร้างความพึงพอใจอย่างเต็มที่ให้กับลูกค้าที่ได้รับบริการ
การวางแผนและกำหนดตารางงานบริการภาคสนามอย่างมีประสิทธิภาพสามารถลดข้อจำกัดต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ได้อย่างไร
ปัจจุบันหลายองค์กรทั่วโลกได้เริ่มเดินหน้าเข้าสู่แนวทางดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น (Digital Transformation) กันแล้วก่อนที่จะเกิดภาวะโรคระบาดใหญ่ โดยโควิด-19 ได้กระตุ้นให้มีการปรับกระบวนการทำงานเข้าสู่ระบบดิจิทัล (Digitization) เร็วยิ่งขึ้น ทั้งยังช่วยขับเคลื่อนความพยายามที่กำลังดำเนินอยู่ให้คืบหน้ามากขึ้นด้วย ซึ่งหลายองค์กรได้นำขีดความสามารถทางดิจิทัลเข้ามาปรับใช้เป็นครั้งแรกก็เพื่อความอยู่รอดขององค์กรเป็นสำคัญ
การจัดตารางเวลาอย่างมีประสิทธิภาพให้กับพนักงานบริการภาคสนามของคุณถือเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในช่วงที่เกิดโรคระบาดใหญ่และเพื่อความอยู่รอดภายหลังการเกิดโรคระบาดใหญ่ จึงถึงเวลาแล้วที่บรรดาผู้นำองค์กรจะต้องดำเนินการและผลักดันวิสัยทัศน์ด้านดิจิทัลเชิงกลยุทธ์ของตนให้บรรลุผลอย่างรวดเร็ว
การปรับตัวเข้าสู่ธุรกิจงานบริการ
(Service is a new Triumph Card)
ผลสำรวจล่าสุดจาก อาเบอร์ดีน กรุ๊ป พบว่า องค์กรมากถึง 26% สามารถสร้างรายได้ใหม่จากการนำโมเดลบริการภิวัฒน์มาปรับใช้เข้ากับองค์กรตัวเอง บริการภิวัฒน์ หรือ Servitization คือการเปลี่ยนธุรกิจเดิมที่มุ่งเน้นการผลิตสินค้าหรือขายสินค้าให้สามารถขายมากกว่าแค่ตัวสินค้าเอง โดยการนำงานบริการรูปแบบต่างๆเข้ามาสนับสนุนตัวสินค้าหรืออาจจะเปลี่ยนโมเดลเป็นงานบริการด้วยเลยก็ได้ ในอดีตเราจะเห็นว่าธุรกิจเกือบทั้งหมดจะแข่งขันกันบนคุณภาพของตัวสินค้าหลัก ใครที่สามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพมากกว่าก็สามารถครองใจลูกค้ากลุ่มนั้นๆไปได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปปัจจัยต่างๆในการเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภคก็เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน ความแตกต่างในเชิงของตัวสินค้าเริ่มลดลงไปจนไม่สามารถมองเห็นจุดเด่นของตัวสินค้าเอง ความต้องการของลูกค้าในโลกที่ไร้พรมแดนเฉกเช่นทุกวันนี้ได้พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว จึงจำเป็นที่ผู้ผลิตต้องเรียนรู้และปรับตัวอย่างเร็วที่สุด ฉะนั้นเราลองมาดูกันว่าจะมีปัจจัยอะไรบ้างที่จะเข้ามาเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญในการผลักดันธุรกิจทุกภาคส่วนให้ก้าวเข้าสู่โลกแห่งงานบริการอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในปี 2022 นี้