ซอฟต์แวร์ ERP มีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมการผลิตเพราะระบบซอฟต์แวร์จะช่วยให้การประสานงานในแผนกต่างๆและกระบวนการทำงานที่ซับซ้อนในการสร้างองค์ประกอบของธุรกิจประสบความสำเร็จง่ายขึ้น
ซอฟต์แวร์ ERP จะช่วยในการควบคุมการผลิต (Shop Floor) การจัดการห่วงโซ่อุปทาน การวิเคราะห์ ส่วนงานด้านการเงิน และการขาย ช่วยให้เห็นภาพรวมที่ชัดเจนของกระบวนการธุรกิจ และซอฟต์แวร์ ERP ที่มาในรูปแพ็คเกจเดียวจะช่วยให้ธุรกิจผลิตสามารถให้ความสำคัญกับกระบวนการธุรกิจหลักขององค์กรได้
ซอฟต์แวร์ IFS Manufacturing พร้อมสนับสนุนทุกกระบวนการในการผลิต ตั้งแต่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ไปจนถึงขั้นตอนที่ลูกค้ามีส่วนร่วม โดยสนับสนุนวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ต้นจนจบครบถ้วน
1. โซลูชันทางธุรกิจที่ครบถ้วน (Complete Business Solution)
การสนับสนุนวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ตั้งแต่การออกแบบทางวิศวกรรมไปจนถึงการผลิต การส่งมอบสินค้า และการซ่อมแซม
ด้วย IFS Cloud ทุกสิ่งทุกอย่างจะอยู่ในที่เดียวและคุณจะมีข้อมูลในเวอร์ชันเดียว นั่นหมายถึงผลิตภัณฑ์ของคุณสามารถทำตลาดได้เร็วขึ้น คุณภาพของผลิตภัณฑ์สูงขึ้น พัฒนาความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์ เพิ่มโอกาสในการขาย พร้อมลดข้อผิดพลาด และของเสียจากการผลิต
2. เทคนิคการจัดตารางการผลิตขั้นสูง (Advanced Scheduling Techniques)
การคาดการณ์ความต้องการของลูกค้าด้วยระบบ AI (ปัญญาประดิษฐ์)
ระบบปัญญาประดิษฐ์เป็นส่วนที่บูรณาการเข้ากับระบบ IFS Demand Planner เพื่อช่วยแยกแยะแบบแผนและแนวโน้ม นอกจากนี้ยังเชื่อมต่อไปยังหน่วยงานภายนอกเพื่อพัฒนาความแม่นยำในการคาดการณ์
ระบบวางแผนความต้องการวัสดุมาตรฐาน ที่รับรองโดยสถาบัน DDMRP (Demand Driven Material Requirements Planning)
ระดับบัฟเฟอร์ของ IFS นั้นกำหนดโดยอัลกอริทึมที่ทางสถาบัน DDMRP ได้ทำการรับรอง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศในการนำใส่เข้าระบบ
3. การบริหารโครงการเชิงบูรณาการ (Integrated Project Management)
ระบบบริหารโครงการที่ครบถ้วนสำหรับการดูแลทรัพยากรและต้นทุน
IFS Cloud รวมการวางแผนทรัพยากรและวัตถุดิบในการบริหารโครงการที่ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นการคาดการณ์ต้นทุน การติดตามกำลังการผลิตและเวลาการผลิตอย่างใกล้ชิด ทำให้สามารถบริหารต้นทุนของโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากเท่าที่จะเป็นไปได้
การควบคุมสินค้าคงคลังสำหรับโครงการ
การควบคุมและดูแลสินค้าคงคลังที่จัดซื้อมาสำหรับใช้ในงานโครงการเป็นสิ่งที่ท้าทายอยู่เสมอ IFS Cloud จะช่วยดูแลระบบสินค้าคงคลังของโครงการ โดยไม่สามารถนำสินค้าไปใช้งานได้หากไม่ได้รับการอนุมัติ ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการขาดสินค้าคงคลังได้
4. ระบบอัจฉริยะด้านการดำเนินการ (Operational Intelligence)
ฟังก์ชัน Lobby ที่ออกแบบตามอุตสาหกรรมจะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเริ่มต้นใช้ระบบ โดยลดการพึ่งพาการฝึกอบรม
User Interface ของ IFS Cloud ประกอบด้วยฟังก์ชัน Lobby ที่จะช่วยแนะนำให้ผู้ใช้งานไปยังหน้าแอพพลิเคชันที่ถูกต้องตามกระบวนการ Lobby เป็นฟังก์ชันมาตรฐานที่จะช่วยผู้ใช้งานในการค้นหาหน้าจอตามบทบาทของผู้ใช้งานนั้นๆ
มีระบบวัดผล KPI ด้านการผลิต ช่วยให้ข้อมูลเชิงลึกในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ
โดยปกติแล้ว KPI จะถูกกำหนดหลังจากซอฟต์แวร์ติดตั้ง แต่ด้วย IFS Cloud ผู้ใช้งานสามารถใช้ระบบ KPI มาตรฐานทางด้านอุตสาหกรรมตามกระบวนการได้ทันที ช่วยลดเวลาในการกำหนด KPI ในหลายสัปดาห์ ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ต้องใช้ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น
ระบบ Visualizer ด้านการผลิตจะช่วยสร้างภาพให้เห็นถึงทรัพยากรต่างๆ ตามที่พยากรณ์ หรือคาดการณ์ไว้
ผู้ใช้งานจะมีหน้าจอกราฟฟิกของทรัพยากรในการดำเนินการ ช่วยให้เห็นภาพกำลังความสามารถที่มีอยู่ว่า อยู่ในระดับต่ำหรือสูงกว่าในช่วงเวลาหนึ่งได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังให้ข้อมูลที่จำเป็นในการพัฒนาการตัดสินใจให้ดียิ่งขึ้น
5. ระบบการจัดการคุณภาพ และการจัดการเอกสารเชิงบูรณาการ (Integrated Quality Management and Document Management)
การจัดการคุณภาพ รวมถึงการปฏิบัติตาม การตรวจสอบ และการวางแผนคุณภาพ
การรายงานความคลาดเคลื่อนในการผลิตหรือรายงานสิ่งที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนด (Non-Conformance Report) สามารถออกรายงานนี้ที่จุดใดก็ได้ในกระบวนการผลิตโดยบุคลากรที่พบปัญหาและในเวลาที่พบปัญหา ซึ่งอาจตรวจจับโดยเครื่องจักรหรือเจ้าหน้าที่รับสินค้าพบปัญหาที่จุดเกิดเหตุ ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาและเห็นภาพว่าปัญหาคุณภาพเกิดที่จุดใด ปัญหานี้สามารถจัดการผ่านกระบวนการควบคุมคุณภาพที่มีประสิทธิภาพ
การจัดการเอกสารซึ่งควบคุมการเข้าถึงและการแก้ไขเอกสาร
IFS Cloud มีฟังก์ชันดูแลจัดการเอกสารที่ควบคุมการแก้ไข ซึ่งจะช่วยในการค้นหาเอกสารที่จัดเก็บในรูปแบบกระดาษและช่วยประหยัดเวลาในการลดคำร้องการหาข้อมูลหรืองานเอกสาร ยกตัวอย่างเช่น เอกสารด้านความปลอดภัยทั้งหมดหรือรายงานการตรวจวัดสามารถนำมาแนบกับรายการรับสินค้า เพื่อที่ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงข้อมูลนี้ตามความต้องการ
6. กลับสู่การซัพพอร์ตแบบมาตรฐาน (Get back on standard support)
ระบบ IFS Applications ของคุณสามารถทำงานร่วมกับแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ตัวอื่นไม่ว่าจะเป็นซอฟต์แวร์ดาต้าเบสของบุคคลที่สาม (Third Party) มิดเดิลแวร์ ระบบปฏิบัติการเซิรฟ์เวอร์ การติดตั้งซอฟต์แวร์ (Software Deployment) มัลแวร์ ระบบป้องกันไวรัส และอื่นๆ
เมื่อ IFS Applications ของคุณพ้นระยะเวลาการซัพพอร์ต ไม่เพียงแต่คุณจะพลาดเทคโนโลยีใหม่เท่านั้น แต่คุณจะมีตัวเลือกในการซัพพอร์ตที่ลดลงด้วยซึ่งจะสร้างความเสี่ยงด้านการดำเนินการและความปลอดภัย
การเริ่มวางแผนการอัพเกรดไปยัง IFS Cloud จะช่วยหลีกเลี่ยงความเสี่ยงเหล่านี้ ทำให้มั่นใจว่าธุรกิจของคุณจะได้รับการซัพพอร์ตอย่างต่อเนื่อง
7. ลดการทำ Customizationลดค่าใช้จ่าย (Reduce customizations, reduce costs)
ลูกค้า IFS สามารถลดการทำ Customization ได้โดยเฉลี่ยถึง 60% เมื่อลูกค้าทำการอัพเกรด ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายและความต้องการทรัพยากรในการซัพพอร์ตลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนี้ IFS Cloud ยังช่วยให้คุณสามารถทำการคอนฟิกเกอเรชั่นได้อย่างยืดหยุ่น เช่น ฟังก์ชัน Designer และเครื่องมือที่ใช้งานง่ายในการขยายรูปแบบดาต้า เปลี่ยนยูสเซอร์ อินเตอร์เฟส เซ็ทระบบอัตโนมัติในขั้นตอนต่างๆ และอื่นๆมากกว่านี้
กรุณากรอกแบบฟอร์ม
สำหรับผู้ที่สนใจปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้าน IFS Cloud