การคาดการณ์ของ IFS ในปี 2024 สำหรับภาคธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค (ENERGY, UTILITIES, & RESOURCES)

ภาคธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภคยังคงให้ความสำคัญกับการทำ Digital Transformation เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการทำงานเพื่อให้ทันกับความต้องการใช้พลังงานที่สูงขึ้นและต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ  ในปี 2024 เราจะเห็นว่ากลุ่มอุตสาหกรรมนี้จะเร่งการทำ Digital Transformation บรูณาการเข้ากับระบบทำงาน และหันมาใช้ Disruptive Technology อย่างเช่น ระบบ AI และ Automation

แครอล จอห์นสตัน,รองประธานภาคอุตสาหกรรมพลังงานและสาธารณูปโภค ได้เสนอข้อมูลเชิงลึกในอุตสาหกรรมผ่านการคาดการณ์ 3 ประการ ที่จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมนี้เป็นวงกว้างในปี 2024

การคาดการณ์ที่ 1: ในปี 2024 ความต้องการระบบที่บูรณาการเข้ากับ AI และ Automation จะเพิ่มขึ้นกว่า 50%

การทำ Digital Transformation ยังคงเป็นจุดสนใจในอุตสาหกรรมนี้ ในรายงานของ PWC การทำ Digital Transformation สำคัญลำดับ 2 ในฐานะตัวขับเคลื่อนการเติบโตในอุตสาหกรรม รองจากเรื่องการจ้างงานและการรักษาพนักงานที่มีทักษะ

ซึ่งเป็นเรื่องสมเหตุสมผล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการใช้ระบบ AI IoT และเทคโนโลยีอัจฉริยะอื่นๆ อย่างรวดเร็ว
ขณะที่เรากำลังก้าวเข้าสู่ปี 2024 ภาคส่วนพลังงาน สาธารณูปโภค ยังคงพัฒนาไปสู่สภาพแวดล้อมที่สามารถสนับสนุนนวัตกรรมและการเปลี่ยนแปลงซึ่งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในอุตสาหกรรม

59% ของบริษัทพลังงาน, สาธารณูปโภค ยังคงเพิ่มการลงทุนในโครงการ Digital Transformation

แม้ว่าหลายๆองค์กรได้ใช้ข้อมูลจากระบบในการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกทางธุรกิจอยู่แล้ว  ระบบอัจฉริยะต่างๆที่นำบูรณาการร่วมกันจะช่วยผลักดันให้เกิดการใช้งานรูปแบบใหม่ๆในปี 2024

ระบบอัจฉริยะเหล่านี้จะไม่จำกัดเพียงการสนับสนุนการตัดสินใจแบบ ” Go /No Go ” อีกต่อไป ระบบสามารถสร้างแผนงานและให้คำแนะนำในเหตุการณ์ Disrupt (เช่น ไฟดับ การลาป่วย ปัญหาด้านห่วงโซ่อุปทาน และอื่นๆ) ก่อนที่จะมีผลกระทบต่อประสิทธิภาพการผลิต (Productivity) ระบบจะระบุถึงข้อจำกัดที่เป็นไปได้ (สินค้าคงคลังที่มีจำนวนจำกัด การจัดหาทรัพยากร และอื่นๆ)

ยกตัวอย่างเช่น ระบบอัจฉริยะใช้ข้อมูลจากระบบการจัดการประสิทธิภาพสินทรัพย์ Asset Performance Management (APM) เพื่อที่จะระบุว่าเครื่องจักรตัวใดที่มีความน่าจะเป็นที่จะชำรุดภายในอีก 3 เดือนข้างหน้า ระบบจะมีการส่งสัญญาณเตือนของการชำรุดที่กำลังจะเกิดขึ้น และยังใช้ข้อมูลจากโมดูลอื่นๆ (โมดูลการจัดตารางงาน ERP และอื่นๆ) ในการให้คำแนะนำการวางแผนทรัพยากรและการจัดตารางเพื่อที่จะเพิ่มเวลาทำงานของเครื่องจักรและลดต้นทุนทั่วไปให้ต่ำลง

อีกตัวอย่างหนึ่งก็คือ คลังมีอะไหล่ไม่เพียงพอหรืออุปกรณ์ที่จำเป็นนั้นติดตั้งอยู่ในโรงงานอีกแห่งหนึ่ง ระบบจะระบุในเข้าไปในตารางงาน รวมข้อจำกัดด้านซัพพลายเซน เพื่อที่จะให้มีเวลาเพียงพอในการเตรียมบุคลากรและอะไหล่ที่ต้องใช้ในการทำงานที่วางแผนไว้

ลูกค้าของ IFS ได้ใช้ระบบที่มีข้อมูลเชิงลึกไม่ว่าจะเป็นข้อมูลเครื่องจักร บุคลากร คลังอะไหล่ และเรื่องอื่น อย่างเช่น การลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน และ KPI อื่นๆขององค์กรที่มีผลต่อการตัดสินใจ

ระบบนี้สามารถเข้าถึงข้อมูลการดำเนินงานอย่างครบถ้วนเพื่อให้แน่ใจได้ว่าองค์กรสามารถเสริมประสิทธิภาพการผลิตทั่วทั่งองค์กร

การคาดการณ์ที่ 2: การจัดการน้ำจะเป็นสิ่งจำเป็นในปี 2024 ด้วยการใช้ระบบเซ็นเซอร์ และมาตรอัจฉริยะ (Smart Meter) จะเพิ่มขึ้นถึง 100%

น้ำดื่มที่สะอาดไม่ใช่สิทธิพิเศษ แต่เป็นสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิต มีน้ำเพียง 0.5% บนโลกที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้และการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศก็ส่งผลผลกระทบที่เป็นอันตรายต่อกาการจัดหาการจัดการทรัพยากรนี้ถือเป็นความรับผิดชอบที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งของอุตสาหกรรม

น้ำดื่มที่ผ่านการบำบัดแล้วจำนวน 2 ล้านล้านแกลลอนหายไปในแต่ละปีในสหรัฐอเมริกา

ถึงกระนั้น อ้างอิงตามโครงการการจัดการพลังงานของรัฐบาลกลาง (Federal Energy Management Program) สหรัฐสูญเสียน้ำดื่มที่ผ่านการบำบัดแล้วถึง 2 ล้านล้านแกลลอนต่อปี ซึ่งมักเกิดจากการรั่วไหลที่ตรวจไม่พบเนื่องจากแหล่งน้ำหลักขาดการบำรุงรักษาอย่างเพียงพอหากขาดการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพปริมาณน้ำของเราก็คงยังลดลงอย่างต่อเนื่อง

ตัวอย่างที่ดีคือชุมชน Rio Verde Foothills ชุมชน “อาศัยอยู่ในทะเลทราย” ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองสกอตส์เดล รัฐแอริโซนา หลังจากที่บ่อน้ำแห้งและไม่เจอบ่อน้ำใหม่ บ้านเรือนมากกว่า 500 หลังใน Rio Verde ต้องอาศัยน้ำที่ดึงมาจากเมืองสกอตส์เดลแต่ในเดือนมกราคม 2023 เมืองสกอตส์เดลได้หยุดส่งจ่ายน้ำเนื่องจากปัญหาความแห้งแล้ง เหตุการณ์นี้ทำให้ประชากรหลายร้อยคนไม่สามารถเข้าถึงแหล่งน้ำได้ มีมาตราการชั่วคราวในเดือนตุลาคม 2023 ได้แก้ไขปัญหาชั่วคราวในขณะที่อนาคตของ Rio Verde Foothills แขวนอยู่บนเส้นด้าย

ในปี 2024 อุตสาหกรรมนี้จะได้รับแรงกดดันให้บริหารจัดการแหล่งน้ำอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และมีการใช้งานระบบมาตรอัจฉริยะ (Smart Meter) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเพื่อปรับปรุงการตรวจจับการรั่วไหล ซึ่งจะส่งผลให้รายได้เพิ่มขึ้น และภาคสาธารณูปโภคสามารถลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีใหม่ ๆ

ลูกค้า IFS ภาคสาธารณูปโภคกำลังใช้กลยุทธ์ต่างๆ ในการต่อสู้กับการขาดแคลนน้ำ:

  • ลดการใช้น้ำและของเสีย
  • พัฒนาระบบกรองน้ำ
  • ปกป้องพื้นที่ชุ่มน้ำ
  • ปรับปรุงประสิทธิภาพการชลประทาน
  • เพิ่มการกักเก็บน้ำในอ่างเก็บน้ำ
  • แยกเกลือออกจากน้ำทะเล

ภาคสาธารณูปโภคต้องสอนชุมชนและธุรกิจให้เป็นผู้ดูแลที่ดีขึ้น พร้อมแบ่งปันแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดในการอนุรักษ์น้ำ รวมถึงการกำกับดูแลเพื่อลดการใช้มากเกินไป และให้แน่ใจว่าอุปสงค์ไม่เกินอุปทาน

การคาดการณ์ที่ 3: ในปี 2024 การดักจับและการกักเก็บคาร์บอน carbon capture and storage (CCS) จะเพิ่มขึ้นถึง 30%

คนส่วนใหญ่ทราบดีว่าอนาคตของโลกตกอยู่ในความเสี่ยงเนื่องจากภาวะโลกร้อนและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเกิดจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นหลัก

45%↓ จำเป็นต้องลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนภายในปี 2030 เพื่อต่อสู้กับสภาวะโลกร้อน

ตามข้อตกลงปารีส ภาวะโลกร้อนจะต้องไม่เกิน 1.5°C เหนือระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม โลกมีอุณหภูมิอุ่นขึ้น 1.1°C และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกยังคงเพิ่มสูงขึ้น เพื่อรักษาภาวะโลกร้อนให้อยู่ที่ 1.5°C การปล่อยก๊าซจะต้องลดลง 45% ภายในปี 2030 และจะเป็นศูนย์ภายในปี 2050

น่าเสียดายที่ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์แล้วว่าความพยายามในปัจจุบันของเรายังไม่เพียงพอ รายงานล่าสุดของสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (International Energy Agency: IEA) แนะนำว่าเส้นทางสู่คาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์นั้นมีอุปสรรคมากขึ้น ต้องใช้ความทุ่มเทและการนำไปปฏิบัติที่มากขึ้นพร้อมด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศที่เข้มแข็งขึ้นในการเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ

ในปี 2024 เราจะเห็นกลยุทธ์ใหม่ๆเพื่อให้เรากลับมาสู่เส้นทางที่ถูกต้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดักจับและการกักเก็บคาร์บอน (CCS)  จากข้อมูลของสถาบันศึกษาสิ่งแวดล้อมและพลังงาน (Environmental and Energy Study Institute) การเพิ่มการจัดเก็บและการรีไซเคิลคาร์บอนไดออกไซด์มีความจำเป็นอย่างยิ่งในการรักษาเสถียรภาพของสภาพภูมิอากาศเพื่อการพัฒนามนุษย์อย่างต่อเนื่อง

CSS เกี่ยวข้องกับการดักจับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) จากกระบวนการทางอุตสาหกรรม เช่น การผลิตเหล็กและซีเมนต์ หรือจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลในการผลิตกระแสไฟฟ้าคาร์บอนถูกขนส่งจากจุดผลิต (ทางเรือหรือผ่านท่อ) และเก็บไว้ใต้ดินลึกในรูปแบบทางธรณีวิทยาเพื่อป้องกันไม่ให้กลับลงสู่ผิวดินหรือก้นทะเล

ภายในกลุ่มอุตสาหกรรมโรงไฟฟ้าบางแห่งได้นำกลยุทธ์ CCS ไปใช้แล้วตัวอย่างเช่น โรงงานเอทานอลในสหรัฐอเมริกาได้รีไซเคิลคาร์บอนไดออกไซด์เพื่อผลิตสาหร่ายโดยแปรรูปสาหร่ายให้เป็นอาหารสัตว์ เชื้อเพลิงชีวภาพ ตลอดจนอาหารและอาหารเสริมโปรแกรมนี้ประสบความสำเร็จ และบริษัทมีแผนที่จะติดตั้งเทคโนโลยีดังกล่าวที่โรงกลั่นเอทานอลทั้ง 9 แห่ง

ความสำเร็จของโปรแกรม CCS ขึ้นอยู่กับแพลตฟอร์ม Cloud ที่มีความสามารถในการจัดการ Project และเทคโนโลยีที่ติดตามวัตถุประสงค์ ESG แบบเรียลไทม์เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการลดคาร์บอน

ลูกค้าของ IFS  บริษัท Hafslund Oslo Celsio ผู้ให้บริการทำความร้อนและทำความเย็นที่ใหญ่ที่สุดของนอร์เวย์ได้เลือก IFS Cloud™ เพื่อช่วยให้บรรลุเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศ  โดยเทคโนโลยีนี้จะขับเคลื่อนประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตพลังงานสีเขียวพัฒนาความสามารถในการดักจับ กักเก็บคาร์บอน และลดของเสีย

“ด้วยโครงสร้างบริษัทใหม่ บวกกับความจำเป็นในการเร่งการดำเนินงานโครงการดักจับคาร์บอนและการจัดเก็บคาร์บอนใหม่ เราต้องการโซลูชันส์ที่สามารถขับเคลื่อนการผลักดันสู่ Digitalization และสร้างประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ความยืดหยุ่นและความคล่องตัวที่ IFS Cloud มอบให้เราในการรองรับระบบ ERP EAM และ FSM บนแพลตฟอร์มเดียว  รวมถึงการเร่งการส่งมอบความสามารถด้าน Digital ทำให้ระบบนี้เหมาะสมกับความต้องการของเราอย่างยิ่ง – Jonny Lotten หัวหน้าฝ่ายไอที และ Digital ของ Hafslund Oslo Celsio

สิ่งที่จะเกิดในอนาคต

ภาคพลังงาน สาธารณูปโภคมีการเดินทางที่น่าสนใจรออยู่ข้างหน้า และด้วยปัญหาที่สำคัญที่เกิดขึ้น เช่น ภาวะโลกร้อนและผลกระทบของปริมาณน้ำที่ลดลง ช่วยเร่งให้ภาคอุตสาหกรรมนี้ต้องพัฒนาระบบ AI และ Automation เข้ากับองค์กรของตนอย่างจริงจัง ด้วยการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเหล่านี้ องค์กรต่างๆ ในกลุ่มธุรกิจพลังงานกับสาธารณูปโภค มีความพร้อมในการใช้กลยุทธ์การดำเนินงานอัจฉริยะในส่วนงานทุกส่วนขององค์กร

สิ่งนี้จะช่วยให้กลุ่มธุรกิจไม่เพียงแต่รักษาระดับผลผลิตที่เหมาะสมเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอันแรงกล้าต่อความเป็นเลิศและความสำเร็จทั่วทั้งองค์กร ขณะเดียวกันก็ขับเคลื่อนแนวปฏิบัติที่ยั่งยืน

กรุณากรอกแบบฟอร์ม

สำหรับผู้ที่สนใจปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้าน IFS Cloud

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

บันทึกการตั้งค่า